น้ำมันงาดำสกัดเย็นตรา ตาเลิศ TaLERT Extra Virgin and Cold Passed Black Sesame Oil
น้ำมันงาดำสกัดเย็นบริสุทธิ์ตรา ตาเลิศ โดยเรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อประมาณปี 2500 จากการที่คุณตา(เลิศ) และคุณยาย ได้ทำการสกัดเอาน้ำมันงาดำ โดยเริ่มจากเอาเมล็ดงาดำที่ปลูก มาตำด้วยครกกระเดื่องหรือครกมอง เพื่อนวดให้เมล็ดงานุ่มและง่ายต่อการสกัด จากนั้นจะนำเมล็ดงาดำที่ได้ไปทำการหีบเอาน้ำมันงาดำจากเมล็ด ซึ่งกว่าจะได้น้ำมันงาดำแต่ละหยดในสมัยนั้นค่อนข้างที่จะใช้เวลาในการผลิต และค่อนข้างหายาก โดยสมัยก่อนชาวบ้านจะเอาน้ำมันงาดำที่ได้มาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ อาทิ
- ใช้หมักผมเพื่อให้ผมนุ่ม และมีน้ำหนัก
- ใช้นวดเพื่อการผ่อนคลาย บำรุงผิวพรรณ และชะลอความแก่
- ใช้รับประทานเพื่อบำรุงสุขภาพ และแก้ปัญหาในเรื่องการปวดข้อและกระดูก
ซึ่งในปัจจุบันมีการค้นพบสารเซซามีนในน้ำมันงาดำสกัดเย็น มีฤทธิ์ในการเพิ่มอัตราการกำจัดสารพิษ ต้านแบคทีเรีย ยาฆ่าแมลง เป็นสานอนุมูลอิสระ
ซึ่งช่วยยับยั้งการดูดซึมของคอเลสเตอรอลและยับยั้งการสร้างคอเรสเตอรอลในตับ และไม่ก่อให้เกิดการสะสมในร่างกาย (เซซามินกับสุขภาพ ศัลยา คงสมบูรณ์เวช RD. โรงพยาบาลเทพธาริทร์ กรุงเทพฯ)
น้ำมันงาดำบริสุทธิ์ สกัดโดยไม่ผ่านความร้อน ไขมันในงาจะมีอยู่มากประมาณ 45-57% จัดเป็นไขมันที่มีคุณภาพดีเพราะมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง และไม่เกิดการเหม็นหืนง่าย เนื่องจากมีสารกันหืนตามธรรมชาติ นอกจากนั้นยังช่วยลดคอเรสเตอรอลในเลือดด้วย ส่วนโปรตีนก็มีอยู่ไม่น้อยกว่า 20% เป็นโปรตีนที่มีคุณภาพสุง เพราะมีกรดอะมิโนที่จำเป็นอยู่ครบทุกชนิด โดยเฉพาะเมธิโอนิน ซึ่งมีมากในงา ในเมล็ดงา จะอุดมในด้วยวิตามินบีทุกชนิด (ยกเว้นวิตามิน บี 12) ซึ่งจะช่วยในการบำรุงสมอง ประสาท ป้องกันโรคเหน็บชา นอนไม่หลับ อ่อนเปลี้ยเพลียแรง ปวดเส้นตามตัว แขน ขา เบื่ออาหาร ท้องผูก เมื่อยสายตา ที่สำคัญ ก็คือ พวกธาตุเหล็ก ไอโอดีน สังกะสี แคลเซียม และฟอสฟอรัส โดยเฉพาะแคลเซียม และฟอสฟอรัสมีอยู่มากกว่าผักชนิดอื่น ๆ ถึง 40 และ 20 เท่า ตามลำดับ สาร เซซามอล ที่มีอยุ่ในงานั้นป้องกันมะเร็งได้ ทำให้ร่างกายแก่ข้าลง ในงายังมีกรดไขมันลิโนเลอิคอยู่มาก จำเป็นต่อการเจริญเติบโต จำเป็นต่อความชุ่มชื้นของผิวหนังช่วยให้นอนหลับสบายหากรับประทาน 2-4 ช้อนชาก่อนนอน ช่วยให้หลับสบาย และช่วยในเรื่องขับถ่ายในตอนเช้า
น้ำมันงาดำบริสุทธิ์ สกัดโดยไม่ผ่านความร้อน ในประเทศไทยไขมันในงาจะมีอยู่มากประมาณ 45-57% จัดเป็นไขมันที่มีคุณภาพดีเพราะมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง และไม่เกิดการเหม็นหืนง่าย เนื่องจากมีสารกันหืนตามธรรมชาติ นอกจากนั้นยังช่วยลดคอเรสเตอรอลในเลือดด้วย ส่วนโปรตีนก็มีอยู่ไม่น้อยกว่า 20% เป็นโปรตีนที่มีคุณภาพสุง เพราะมีกรดอะมิโนที่จำเป็นอยู่ครบทุกชนิด โดยเฉพาะเมธิโอนิน ซึ่งมีมากในงา ในเมล็ดงา จะอุดมในด้วยวิตามินบีทุกชนิด (ยกเว้นวิตามิน บี 12) ซึ่งจะช่วยในการบำรุงสมอง ประสาท ป้องกันโรคเหน็บชา นอนไม่หลับ อ่อนเปลี้ยเพลียแรง ปวดเส้นตามตัว แขน ขา เบื่ออาหาร ท้องผูก เมื่อยสายตา ที่สำคัญ ก็คือ พวกธาตุเหล็ก ไอโอดีน สังกะสี แคลเซียม และฟอสฟอรัส โดยเฉพาะแคลเซียม และฟอสฟอรัสมีอยู่มากกว่าผักชนิดอื่น ๆ ถึง 40 และ 20 เท่า ตามลำดับ สาร เซซามอล ที่มีอยุ่ในงานั้นป้องกันมะเร็งได้ ทำให้ร่างกายแก่ข้าลง ในงายังมีกรดไขมันลิโนเลอิคอยู่มาก จำเป็นต่อการเจริญเติบโต จำเป็นต่อความชุ่มชื้นของผิวหนัง
ช่วยให้นอนหลับสบาย
หากรับประทานวันละ 2-4 ช้อนชาก่อนนอน ช่วยให้หลับสบาย และช่วยในเรื่องขับถ่ายในตอนเช้า